โดย พญ.เพ็ญพิมล ยิ่งยง
1. ตาบอดสีที่รู้กัน หมายความว่าอย่างไรบ้าง? ตาบอดสีน่าจะหมายความว่าการมองไม่เห็นสี เห็นทุกอย่างเป็นดำกับขาว ซึ่งคนตาบอดสีแบบนั้นมีน้อยมากและมักจะเป็นคนที่สายตามัวมากจนมองไม่เห็นสี หรือคำว่าตาบอดสีแดง น่าจะมองไม่เห็นสีแดง แต่โดยความเป็นจริงแล้วตาบอดสีแดงไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นสีแดง เพียงแต่เห็นวัตถุสีแดงแตกต่างจากผู้อื่นอาจเห็นเป็นสีเทาดำและโดยความเป็น จริงคนตาบอดสีแดงมักจะบอกชื่อสีแดงได้ถูกต้อง เพียงแต่เห็นไม่เหมือนคนทั่วไปทั้งนี้คนตาบอดสีแดงจะถูกสอนมาให้รู้ตั้งแต่ เด็กว่าวัตถุสีแดงนี้เขาเรียกว่าสีแดง คนตาบอดสีแดงจึงมักจะบอกสีแดงได้ถูกต้อง
2. เราสามารถมองเห็นสีต่างๆได้อย่างไร? การมองเห็นสีของวัตถุเป็นความสามารถอีกอย่างของตาคนเรา นอกเหนือจากการมองเห็นธรรมดา เรามองเห็นสีได้เพราะในจอตามีเซลล์รับรู้การเห็นสีต่างๆอยู่ 2 ชนิด
- ชนิดแรก เป็นรูปร่างเป็นแท่ง มักกระจายอยู่ส่วนขอบของจอตา ทำหน้าที่เกี่ยวกับการมองเห็นในที่สลัว ส่วนใหญ่ภาพที่เห็นจากเซลล์รูปแท่งนี้จะเป็นขาวกับดำตามระดับความสว่างที่แตก ต่างกัน จอตาของคนปกติจะพอมีเซลล์รูปแท่ง ทำให้คนเรามีการมองเห็นในเวลากลางคืนได้ในระดับหนึ่ง ผู้ที่มีโรคจอตาส่วนนี้ผิดปกติ หรือภาวะขาดวิตามินเอ จะทำให้เซลล์รูปแท่งนี้ถูกทำลายจึงเกิดภาวะที่เรียกว่า ตาฟางกลางคืน
- ชนิดที่สอง มีรูปร่างเป็นกรวย จะอยู่หนาแน่นบริเวณจอตาส่วนกลาง ทำหน้าที่มองเห็นในที่สว่างและทำหน้าที่มองเห็นสีในที่ต่างๆได้ เซลล์รูปกรวยมีอยู่ 3 ชนิด ตามสีที่มีอยู่ภายในเซลล์ ได้แก่ เซลล์รูปกรวยสีแดง เซลล์รูปกรวยสีเขียว และเซลล์รูปกรวยสีน้ำเงิน
3. ตาบอดสีเป็นกรรมพันธุ์หรือไม่? โรคตาบอดสีพบได้ประมาณ 8% ของประชากร แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ กลุ่มที่เป็นตั้งแต่กำเนิดและกลุ่มที่เป็นภายหลังกลุ่มแรกพบบ่อยกว่า และที่พบบ่อยที่สุดคือกลุ่มที่บอดสีแดงและเขียว ซึ่งพบได้ประมาณ 5-8%ในผู้ชาย และ0.5% ในผู้หญิง ส่วนกลุ่มที่เป็นภายหลัง มักเป็นการบอดสีน้ำเงิน – เหลือง เกิดจากการถูกทำลายของจอประสาทตา เส้นประสาทตา หรือส่วนรับรู้ในสมอง การอักเสบ ภาวะขาดเลือด อุบัติเหตุ เนื้องอก การเสื่อมลงของจอประสาทตาหรือผลที่ข้างเคียงของสารเคมี ความผิดปกติของตาทั้งสองข้างนี้ไม่เท่ากันอาจเป็นตาเดียว หรือทั้งสองตามีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นหรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของความรุนแรงของโรค
|